ผศ.นพ.ชัยเลิศ พงษ์นริศร
หัวหน้าหน่วยนรีเวชทางเดินปัสสาวะและอุ้งเชิงกราน
ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์เชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
รหัสเอกสาร SD-HA-IMC-112-R-00
อนุมัติวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559
1. อวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนคืออะไร ?
2. สาเหตุของอวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนคืออะไร ?
3. อวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนเกิดได้บริเวณใดบ้าง ?
4. อวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนมีความรุนแรงเพียงใด ?
5. อวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนรักษาได้อย่างไร ?
6. การผ่าตัดแบบใดเหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ ?
7. มีความจำเป็นต้องใช้วัสดุที่เป็นแผ่นตาข่ายเสริมในการผ่าตัดหรือไม่ ?
8. ถ้าหากยังต้องการมีบุตรควรทำอย่างไร ?
อวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนคืออะไร ?
การเคลื่อนต่ำลงมาจากตำแหน่งปกติของผนังช่องคลอด ทำให้อวัยวะในอุ้งเชิงกรานยื่นย้อยลงมา เกิดเป็นก้อนนูนออกในช่องคลอดหรือโผล่พ้นออกมานอกช่องคลอด ปกติอวัยวะในอุ้งเชิงกรานประกอบด้วย มดลูก ช่องคลอด กระเพาะปัสสาวะและลำไส้
สตรีที่มีอวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนมีอาการอะไรบ้าง ?
อาการที่อาจเกิดขึ้นได้มีดังต่อไปนี้
- รู้สึกหน่วงในช่องคลอดหรือบริเวณหลังส่วนล่าง
- รู้สึกว่ามีก้อนภายในหรือยื่นย้อยออกมาภายนอกช่องคลอด
- อาการเกี่ยวกับระบบขับถ่ายปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะไหลช้า รู้สึกว่าปัสสาวะไม่สุด ต้องกดบริเวณผนังช่องคลอดเพื่อช่วยในการปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อยๆ หรือปวดปัสสาวะอย่างมากจนรอไม่ได้ และปัสสาวะเล็ดเมื่อมีการเพิ่มแรงดันในช่องท้อง เช่น ขณะออกแรง วิ่ง ไอ จาม เป็นต้น
- อาการเกี่ยวกับลำไส้ เช่น ขับถ่ายอุจจาระลำบาก รู้สึกว่าถ่ายอุจจาระไม่สุดหรือต้องกดบริเวณผนังช่องคลอดเพื่อช่วยในการถ่ายอุจจาระ
- รู้สึกไม่สบายขณะร่วมเพศหรือไม่สามารถร่วมเพศได้ เพราะว่ามีก้อนยื่นมาขวาง
สาเหตุของอวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนคืออะไร ?
อวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อ เอ็น และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ที่ยึดเหนี่ยวอวัยวะเหล่านี้ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมมีการอ่อนแอลง สาเหตุหลัก คือ การที่เส้นประสาท เอ็น และกล้ามเนื้อที่พยุงอวัยวะในอุ้งเชิงกรานถูกทำลาย ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ ต่อไปนี้
- การตั้งครรภ์และการคลอดบุตร เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ช่องคลอดและเนื้อเยื่อที่พยุงช่องคลอดอ่อนแอลง พบภาวะนี้ได้หนึ่งในสามของสตรีที่มีบุตรแล้วอย่างน้อย 1 คน อวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนนี้อาจเกิดขึ้นในขณะตั้งครรภ์หรือภายหลังคลอดไม่นานไปจนกระทั่งหลายปีผ่านไป อย่างไรก็ตามมีเพียง 1 ใน 9 ของสตรีที่มีอวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัด
- อายุที่มากขึ้นและการหมดระดู อาจเป็นเหตุให้โครงสร้างที่พยุงอุ้งเชิงกรานอ่อนแอลงได้
- ภาวะที่มีแรงดันกระทำต่ออุ้งเชิงกรานอย่างมาก เช่น โรคอ้วน ไอเรื้อรัง ท้องผูกเรื้อรัง การยกของหนัก และการออกแรงเบ่งมาก
- สตรีบางรายอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดอวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนโดยโรคทางพันธุกรรม ที่อาจมีผลต่อความแข็งแรงของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เช่น มาร์แฟนซินโดรม (Marfan syndrome) และโรคหนังยืดผิดปกติ (Ehlers-Danlos syndrome)
อวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนเกิดได้บริเวณใดบ้าง ?
อวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อน อาจเกิดขึ้นบริเวณผนังช่องคลอดด้านหน้า ผนังช่องคลอดด้านหลัง มดลูกหรือผนังช่องคลอดด้านบน (ส่วนยอดของช่องคลอดภายหลังการผ่าตัดมดลูก) ก็ได้ สตรีจำนวนมากอาจมีการหย่อนของอวัยวะในอุ้งเชิงกรานหลายๆ ตำแหน่งพร้อมกัน
กายวิภาคปกติไม่มีอวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อน
การหย่อนของผนังช่องคลอดด้านหน้า
เป็นตำแหน่งที่พบการหย่อนของอวัยวะในอุ้งเชิงกรานบ่อยที่สุด จะพบการยื่นนูนของกระเพาะปัสสาวะและ/หรือท่อปัสสาวะลงมาในช่องคลอดได้ แพทย์อาจเรียกลักษณะเช่นนี้ว่า กระเพาะปัสสาวะหย่อนและ/หรือท่อปัสสาวะหย่อน
การหย่อนของช่องคลอดส่วนหน้า
การหย่อนของผนังช่องคลอดด้านหลัง
เป็นภาวะที่มีส่วนปลายของลำไส้ใหญ่ที่เรียกว่าไส้ตรงยื่นนูนเข้ามาทางผนังช่องคลอดด้านหลัง ซึ่งแพทย์อาจเรียกว่า ไส้ตรงเลื่อน และ/หรือมีส่วนใดส่วนหนึ่งของลำไส้เล็กยื่นนูนเข้ามาที่บริเวณส่วนบนของผนังช่องคลอดด้านหลัง ซึ่งแพทย์อาจเรียกว่า ไส้เลื่อน
การหย่อนของช่องคลอดส่วนหลัง
การหย่อนของมดลูกและช่องคลอดส่วนยอด
มดลูกหย่อน เกิดขึ้นเมื่อมดลูกยื่นย้อยหรือเคลื่อนต่ำลงมาในช่องคลอด พบมากเป็นอันดับสองของอวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อน
มดลูกหย่อน
ช่องคลอดด้านบนหย่อน ภายหลังการผ่าตัดมดลูก ส่วนบนของช่องคลอดอาจหย่อนลงมา (คล้ายการปลิ้นกลับปลายถุงเท้าด้านในออกมา) และเคลื่อนลงมาที่ปากช่องคลอด หรือยื่นพ้นปากช่องคลอดออกมา
อวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนมีความรุนแรงเพียงใด ?
สตรีจำนวนมากประมาณร้อยละ 40 มีอวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อน ซึ่งมีความรุนแรงต่างๆ กัน ตั้งแต่มีอาการเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีอาการเลย ไปจนกระทั่งมีก้อนยื่นพ้นปากช่องคลอดออกมาตลอดเวลา และมีอาการร่วมต่างๆ แพทย์จะซักประวัติและตรวจภายในอย่างละเอียด เพื่อวินิจฉัยว่าภาวะนี้มีความรุนแรงอยู่ในระยะใด ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้อธิบายข้อมูลเหล่านี้ให้คุณทราบ
อวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนรักษาได้อย่างไร ?
ทางเลือกในการรักษาแบ่งออกเป็น 2 วิธีใหญ่ๆ ได้แก่ การรักษาวิธีไม่ต้องผ่าตัดและการรักษาวิธีผ่าตัด
การรักษาเชิงอนุรักษ์หรือวิธีไม่ต้องผ่าตัด ได้แก่
- สังเกตอาการ
อวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อน ไม่ได้เป็นภาวะที่มีอันตรายร้ายแรงต่อชีวิต สตรีที่ไม่มีอาการหรือไม่มีปัญหาใดๆจากการหย่อนนี้มักเลือกที่จะไม่รับการรักษา อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณได้รับการวินิจฉัยว่ามีอวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนให้ พยายามหลีกเลี่ยงการยกของหนัก การออกแรงเบ่งมากๆ เช่น ท้องผูกและการที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากเกินไป เพราะปัจจัยเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้อวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนรุนแรงมากยิ่งขึ้น
- ใช้อุปกรณ์พยุงในช่องคลอด (Pessary)
เป็นอุปกรณ์ที่ผู้ป่วยใช้สำหรับสอดเข้าไปในช่องคลอดเพื่อพยุงอวัยวะในอุ้งเชิงกราน จึงช่วยบรรเทาอาการที่เป็นอยู่ได้ อุปกรณ์เหล่านี้มีหลากหลายรูปทรงและขนาดให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ชนิดที่ใช้กันแพร่หลายที่สุด คือ แบบรูปร่างเป็นวงแหวนเหมือนห่วง บางครั้งจึงเรียกว่า ห่วงพยุงในช่องคลอด การใช้อุปกรณ์พยุงในช่องคลอดเป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงหรือยืดเวลาการผ่าตัดออกไป เช่น ในกรณีที่ยังต้องการมีบุตรหรือมีปัญหาสุขภาพ ที่ไม่อาจผ่าตัดได้เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง ผู้ป่วยที่จะใช้อุปกรณ์พยุงในช่องคลอดต้องได้รับการตรวจวัดและประเมินความรุนแรงของการหย่อน โดยผู้ให้บริการทางการแพทย์ก่อน และอาจต้องมีการทดลองใส่เพื่อหาขนาดและชนิดที่เหมาะสมที่สุดก่อนนำไปใช้จริงที่บ้าน อุปกรณ์พยุงในช่องคลอดบางชนิดเท่านั้นที่ผู้ใช้ยังสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ขณะใส่อยู่ในช่องคลอดซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำในรายละเอียด
อุปกรณ์พยุงในช่องคลอดชนิดวงแหวน
- การบริหารกล้ามเนื้อพื้นอุ้งเชิงกราน (Kegel exercise)
การบริหารกล้ามเนื้อพื้นอุ้งเชิงกรานที่อ่อนแอลง อาจช่วยฟื้นฟูหรือป้องกันไม่ให้อวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนเล็กน้อยเป็นรุนแรงมากขึ้น การบริหารกล้ามเนื้อพื้นอุ้งเชิงกรานต้องอาศัยเวลา แรงจูงใจและเทคนิคที่ถูกต้อง (กรุณาอ่านบทความเรื่อง "การบริหารกล้ามเนื้อพื้นอุ้งเชิงกรานที่ถูกต้อง ใครว่ายาก? " หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม)
การรักษาวิธีผ่าตัด
สำหรับสตรีที่มีอวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนที่มีอาการมาก อาจเลือกรักษาด้วยการผ่าตัด แพทย์จะแนะนำรูปแบบการผ่าตัดที่เหมาะสมกับคุณที่สุด โดยพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ อายุ ประวัติการผ่าตัดที่ผ่านมา ความรุนแรงของการหย่อนของอวัยวะในอุ้งเชิงกราน และสุขภาพโดยรวมของคุณ การผ่าตัดมี 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ การผ่าตัดซ่อมเสริมและการผ่าตัดเย็บปิดช่องคลอด ดังนี้
การผ่าตัดซ่อมเสริม (reconstructive surgery)
จุดประสงค์ของการผ่าตัดซ่อมเสริมอุ้งเชิงกราน คือ การทำให้อวัยวะในอุ้งเชิงกรานกลับเข้าสู่ตำแหน่งปกติทางกายวิภาคและยังคงมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ
วิธีการผ่าตัดซ่อมเสริมสามารถทำได้สองทาง ดังนี้
1. การผ่าตัดทางช่องคลอด
2. การผ่าตัดทางหน้าท้อง ซึ่งทำได้หลายวิธี ได้แก่
- การผ่าตัดผ่านแผลเปิดหน้าท้อง
- การผ่าตัดผ่านกล้อง ฯ (ด้วยการเจาะรูเล็กๆ บริเวณหน้าท้อง)
- การผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์ (เป็นการผ่าตัดผ่านกล้องฯ ที่แพทย์ควบคุมการผ่าตัดผ่านทางหุ่นยนต์)
การผ่าตัดเย็บปิดช่องคลอด (colpocleisis)
แพทย์อาจแนะนำให้คุณรับการผ่าตัดแบบนี้ หากการหย่อนของอวัยวะในอุ้งเชิงกรานอยู่ในขั้นรุนแรง หรือในกรณีที่คุณไม่ได้มีเพศสัมพันธ์แล้ว และไม่ต้องการมีเพศสัมพันธ์อีกในอนาคต หรือในกรณีที่สุขภาพของคุณไม่เหมาะสมกับวิธีการผ่าตัดซ่อมเสริม วิธีการนี้แพทย์จะเย็บผนังช่องคลอดเข้าหากันเพื่อป้องกันไม่ให้ภาวะอวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนกลับเป็นซ้ำอีก ข้อดีของการเย็บปิดช่องคลอด คือ ใช้เวลาผ่าตัดน้อยและผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็ว ข้อเสีย คือ ช่องคลอดจะตื้นและไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อีก อัตราความสำเร็จของการผ่าตัดด้วยวิธีนี้เท่ากับร้อยละ 90-95 กรุณาอ่านบทความเรื่อง “การผ่าตัดเย็บปิดช่องคลอด ใครควรได้รับการผ่าตัดบ้าง” หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม
การผ่าตัดแบบใดเหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ ?
ไม่มีการผ่าตัดแบบใดดีที่สุดสาหรับผู้ป่วยทุกราย การเลือกแบบการผ่าตัดที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ประวัติการเป็นโรคของคุณ ความเชี่ยวชาญในวิธีผ่าตัดแบบต่างๆ และประสบการณ์ของแพทย์ ตลอดจนความต้องการของคุณเอง
แพทย์จะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับวิธีการรักษาแบบต่างๆ และแนะนำวิธีการผ่าตัดที่เหมาะสมกับภาวะและความต้องการของคุณ ทั้งนี้ การผ่าตัดจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แม้แต่ในกรณีของสตรีสองราย ที่มีอวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนลักษณะเดียวกัน ยังอาจต้องการวิธีการรักษาที่แตกต่างกันได้
การผ่าตัดทางช่องคลอด
การผ่าตัดวิธีนี้ทำโดยการกรีดแผลที่ผิวภายในช่องคลอด แล้วเลาะแยกอวัยวะที่หย่อนออกจากผนังช่องคลอด จากนั้นจึงเย็บเนื้อเยื่อที่มีอยู่เดิมและ/หรือใส่วัสดุที่เป็นแผ่นตาข่าย เพื่อเสริมความแข็งแรงและซ่อมแซมช่องคลอด อาจใช้วัสดุเย็บที่ไม่ละลายเย็บส่วนบนของช่องคลอดหรือปากมดลูกเข้ากับเอ็นที่แข็งแรงกว่าในบริเวณอุ้งเชิงกราน เพื่อพยุงมดลูกหรือส่วนยอดของช่องคลอด หลังการผ่าตัดมดลูก เช่น Sacrospinous หรือ Uterosacral ligament suspension
การผ่าตัดทางแผลเปิดหน้าท้อง
การผ่าตัดวิธีนี้ทำโดยกรีดแผลทางหน้าท้องเข้าไป ตัวอย่างเช่น การผ่าตัดเย็บแขวนช่องคลอด Sacrocolpopexy ดังภาพแสดงด้านล่าง ส่วนยอดของช่องคลอดหลังการผ่าตัดมดลูกที่หย่อนได้รับการพยุงไว้ด้วยการใช้วัสดุที่เป็นแผ่นตาข่ายซึ่งเย็บติดกับกระดูกสันหลังใต้กระเบนเหน็บ (กรุณาอ่านบทความเรื่อง "การผ่าตัดเย็บแขวนช่องคลอดในสตรีที่มีอวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อน ใครว่าเป็นเรื่องไกลตัว? หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม) อย่างไรก็ตามการผ่าตัดทางหน้าท้องสามารถทำได้อีกหลายวิธี แพทย์จะอธิบายรายละเอียดเหล่านี้ให้คุณทราบ
Sacrocolpopexy
การผ่าตัดผ่านกล้องและการผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์ช่วย
วิธีการผ่าตัดนี้คล้ายคลึงกับวิธีการผ่าตัดผ่านแผลเปิดหน้าท้องทุกประการ ต่างกันที่ผ่าตัดผ่านแผลเล็กๆ บริเวณหน้าท้องทำให้ผู้ป่วยเจ็บแผลน้อย ฟื้นตัวได้เร็วกว่า และแผลเป็นจากการผ่าตัดจะมีขนาดเล็กกว่า ในปัจจุบันการผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์มีบริการในศูนย์ผ่าตัดเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น เช่น คณะแพทยศาสตร์เชียงใหม่ สำหรับที่คลินิกสูตินรีเวช ศูนย์ศรีพัฒน์ฯ กรุณาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่หมายเลข 053-936830
มีความจำเป็นต้องใช้วัสดุที่เป็นแผ่นตาข่ายเสริมในการผ่าตัดหรือไม่ ?
โดยทั่วไปการผ่าตัดซ่อมเสริมไม่จำเป็นต้องใช้วัสดุที่เป็นแผ่นตาข่ายเสริมเสมอไป จะเลือกใช้ในกรณีการผ่าตัดซ้ำ และผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นซ้ำสูง วัสดุที่เป็นแผ่นตาข่ายเสริม อาจเป็นแบบละลายได้ทำจากเนื้อเยื่อสัตว์ (ชีวภาพ) ซึ่งจะค่อยๆ สลายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป หรือเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่ไม่สามารถละลายได้ ซึ่งจะคงอยู่ในร่างกายตลอดไป วัสดุที่เป็นแผ่นตาข่ายเสริมบางชนิดอาจมีส่วนผสมของวัสดุทั้งที่ละลายได้และละลายไม่ได้ คุณควรปรึกษากับแพทย์ถึงข้อดีและข้อเสียของการใช้วัสดุเหล่านี้ก่อน
การผ่าตัดมีโอกาสประสบความสำเร็จเพียงใด ?
ประมาณร้อยละ 75 ของสตรีที่ได้รับการผ่าตัดทางช่องคลอด และร้อยละ 90-95 ของสตรีที่ได้รับการผ่าตัดทางหน้าท้อง จะหายจากอาการหย่อนของอวัยวะในอุ้งเชิงกรานได้เป็นเวลานาน การกลับเป็นซ้ำของอวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนอาจเกิดจากปัจจัยเดิมที่เป็น สาเหตุของอวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนในครั้งแรก เช่น ท้องผูกและเนื้อเยื่อที่อ่อนแออยู่เดิม
ถ้าหากยังต้องการมีบุตรควรทำอย่างไร ?
ปกติแนะนำให้หลีกเลี่ยงการผ่าตัดเพื่อการรักษาอวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อน ไปจนกว่าผู้ป่วยจะมีบุตรเพียงพอแล้ว ในระหว่างนั้นอาจใช้วิธีการรักษาเชิงอนุรักษ์ เช่น การบริหารกล้ามเนื้อพื้นอุ้งเชิงกราน หรือการใช้อุปกรณ์พยุงในช่องคลอดไปก่อน
10 สิงหาคม 2555
แก้ไขปรับปรุง 19 สิงหาคม 2556
แก้ไขปรับปรุง 16 กุมภาพันธ์ 2559
เอกสารอ้างอิง
International Urogynecological Association (IUGA) Pelvic Organ Prolapse: A Guide for Women. 2011.
ข้อมูลอัพเดตเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2562
------------------------------------------------------------
สามารถติดตามช่องทางเพิ่มเติมได้ที่
• Call center : 0-5393-6900-1
• LINE Official : https://lin.ee/h3Wxyp3
• Facebook : https://bit.ly/2Kid6X9
• Youtube : https://bit.ly/3anQsH6
• Twitter : https://bit.ly/3eACDJ2
• Instagram: https://bit.ly/2VnrTGo
• Blockdit : https://bit.ly/2VqvL9D
• Website: http://sriphat.med.cmu.ac.th
หรือเพิ่มเพื่อนใน LINE ด้วยคิวอาร์โค้ด