ความรู้จากแพทย์ศรีพัฒน์

ลูกพูดช้า สาเหตุจากอะไร



อ.พญ.จิตรลดา ศรีปัญญา

กุมารแพทย์

รหัสเอกสาร PI-IMC-259-R-01

อนุมัติวันที่ 12 ตุลาคม 2566


       คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ พัฒนาการทางภาษาเป็นหนึ่งในพัฒนาการสี่ด้าน ซึ่งลูกน้อยสามารถเข้าใจภาษาและสื่อสารออกมาในรูปแบบต่างๆ ได้ตั้งแต่แรกเกิด โดยความเข้าใจและการใช้ภาษาของลูกน้อย สามารถแสดงออกตั้งแต่วัยทารก ดังตารางดังนี้


ตารางที่ 1 พัฒนาการทางภาษาและการพูดในด้านความเข้าใจและการใช้ภาษา

อายุ 

ความเข้าใจภาษา

การใช้ภาษา

1 เดือน

เมื่อได้ยินเสียง เด็กจะสะดุ้ง ขยับตัว กระพริบตาหรือร้องไห้

เด็กร้องไห้เมื่อหิว เปียก ไม่สบายตัว

3 เดือน

เมื่อได้ยินเสียงแม่ใกล้ๆ เด็กจะยิ้มหรือนั่งฟัง

ทำเสียงอ้อแอ้เมื่อพึงพอใจ

6 เดือน

หันไปมองยังที่มาของเสียงที่ไม่ดังนัก

เล่นเสียงทีละพยางค์ กากา อาคา เริ่มเล่นเสียงต่างๆ

9 เดือน

ทำตามคำสั่งได้ เช่น บ๊ายบาย หยุดเล่นเมื่อถูกสั่งห้าม เช่น อย่า

ทำเสียงโต้ตอบไม่เป็นภาษาเมื่อมีคนมาพูดด้วย เลียนแบบการเล่นเสียงของคนอื่น เลียนเสียงแปลกๆ เช่น สุนัขเห่า จิ้งจกร้อง

12 เดือน

หันไปหาเมื่อเรียกชื่อ เข้าใจคำพูดที่ได้ยินบ่อยๆ เช่น เอา ไม่เอา

เริ่มพูดคำที่มีความหมายได้ 2-3 คำ เช่น แม่ หม่ำ ไป

18 เดือน

ชี้อวัยวะได้ 1-3 แห่ง เข้าใจศัพท์ได้ 50 คำ

พูดคำที่มีความหมายได้ 10-20 คำ เช่น หมา แมว

24 เดือน

ชี้อวัยวะได้ 5 อย่าง เข้าใจคำถาม ทำตามคำสั่งง่ายๆ ได้ เช่น ไปเอารถมา นั่งลง

พูดคำที่มีความหมายได้ 50-400 คำ

 

เมื่อใดถือว่าเสี่ยงพูดช้า และเมื่อใดถือว่าเป็นเด็กพูดช้า

เด็กที่ถือว่ามีความเสี่ยงพูดช้า และเด็กที่ถือว่ามีภาวะพูดช้ากว่าปกติ สามารถสรุปได้ดังนี้


ภาวะเสี่ยงพูดช้า

- เด็กที่ไม่สามารถพูดคำที่มีความหมายได้เลย เมื่ออายุ 15 เดือน

- เด็กที่ไม่สามารถพูดเป็นคำที่มีความหมายอย่างน้อย 3 คำ เมื่ออายุ 18 เดือน


คำนิยามภาวะพูดช้า

- เด็กไม่สามารถพูดคำที่มีความหมายต่างกัน 2 คำ ต่อเนื่องกัน และพูดคำศัพท์น้อยกว่า 50 คำ เมื่ออายุ 24 เดือน

- เด็กไม่สามารถพูดประโยคที่สมบูรณ์หรือเด็กสามารถสื่อสารให้คนอื่นฟังรู้เรื่องน้อยกว่าร้อยละ 50 ของสิ่งที่เด็กพูด เมื่ออายุ 36 เดือน

 

สาเหตุการพูดช้า มี 4 ข้อ ดังต่อไปนี้


1. การได้ยินผิดปกติ (Hearing Impairment) ซึ่งมักพบได้ในเด็ก 1-2 คน ต่อประชากร 1,000 คน โดยอาจแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ เด็กที่มีปัญหาการได้ยินผิดปกติเพียงบางส่วน พบว่ามักมีปัญหาพูดไม่ชัด แต่พัฒนาการทางภาษาใกล้เคียงเด็กปกติ และเด็กที่มีปัญหาการได้ยินผิดปกติชัดเจน เช่น หูหนวกตั้งแต่กำเนิดหรือจากสาเหตุอื่นๆ เช่น การติดเชื้อแต่กำเนิด (Torch infection)ฯลฯ จะพบว่ามีพัฒนาการทางภาษาล่าช้า หรือไม่สามารถพูดได้ และมักใช้ภาษาท่าทางในการสื่อความหมาย



2. ปัญหาพัฒนาการล่าช้าโดยรวม ซึ่งมักพบว่ามีพัฒนาการด้านอื่นล่าช้าด้วย และทำให้เด็กเรียนรู้การพูดและการใช้ภาษาช้าทั้งนี้ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้การตรวจคัดกรองพัฒนาการเป็นหลัก


3. ภาวะออทิสติก (Autistic Spectrum Disorder) ซึ่งอาจสังเกตภาวะผิดปกติ 3 อย่าง คือ ไม่สนทนา ไม่พาที ไม่ชี้นิ้ว โดยเด็กที่มีแนวโน้มเป็นออทิสติกมักจะมีปัญหา คือ การสื่อสารโดยใช้ท่าทาง การมีอารมณ์ร่วมกับผู้อื่นและทักษะการเล่นที่ช้ากว่าวัย


4. พัฒนาการทางภาษาผิดปกติ (Developmental language disorder - DLD) หรือ ความบกพร่องเฉพาะด้านภาษา  แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้


- กลุ่มที่มีพัฒนาการทางภาษาด้านการพูดช้ากว่าวัยแต่เพียงอย่างเดียว (Isolated expressive language disorder) ซึ่งมีความบกพร่องในการเปล่งเสียงในภาษาพูด หรือเริ่มพูดช้ากว่าวัยเดียวกัน แต่เมื่อพูดได้จะสามารถสื่อสารและการเรียนรู้ได้ทันเด็กวัยเดียวกัน


- กลุ่มที่มีความผิดปกติของพัฒนาการทางภาษาที่มีการแสดงออกและความเข้าใจภาษาล่าช้า (Mix receptive-expressive language disorder) ซึ่งมักมีความล่าช้าในการเรียนรู้และเข้าใจในคำศัพท์ เช่น ใช้ศัพท์ไม่ถูกความหมาย พูดสลับคำในประโยคที่ยาวหรือซับซ้อน



กลุ่มที่มีความผิดปกติของพัฒนาการของสมองชั้นสูงในการใช้ภาษา (Higher order processing disorder) ความผิดปกตินี้ทำให้เกิดความบกพร่องในการใช้คำศัพท์และการใช้ภาษาอย่างเหมาะสมกับกาละเทศะ ซึ่งส่งผลต่อการเข้าสังคมและการสื่อสารกับผู้อื่น 


      

          นอกจากนี้พบว่าปัจจัยที่มีผลต่อการพูดช้าในปัจจุบัน คือ การให้เด็กดูจอ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แทปเลต โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ หรืออื่นๆ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า “จอ” ไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็ก ดังนั้น จึงไม่ควรปล่อยให้ลูกดูจอเพียงลำพังหรือใช้เวลากับหน้าจอมากเกินไป เพราะจอเป็นการสื่อสารแบบทางเดียว และไม่ได้ช่วยทำให้ลูกพูดเร็วขึ้น โดย อ.พญ.จิตรลดา ให้คำแนะนำ ดังนี้


-          ก่อน 2 ปี ไม่ควรให้ลูกดูจอทุกชนิดเด็ดขาด

-          หลังจาก 2 ปี ให้ดูได้ แต่จำกัดเวลา วันละ 1 ชั่วโมง และผู้ปกครองควรนั่งดูด้วย เพื่อเลือกสื่อที่เหมาะสมกับเด็ก และให้คำแนะนำขณะดูจอ



แนวทางการให้ความช่วยเหลือ

- พ่อแม่ผู้ปกครองควรออกเสียงพูดให้ชัดเจน เป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็ก

- พูดในสิ่งที่เด็กสนใจ

- ให้เด็กเรียนรู้ภาษาผ่านกิจกรรมการเล่น เช่น การอ่านนิทาน ชี้ให้ดูรูปในนิทาน อ่านสิ่งที่เด็กสนใจและงดดูจอทุกชนิด



วิธีฝึกการพูดเบื้องต้น

- ฝึกให้เด็กพูดในสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ

- การตั้งคำถามกับเด็กอย่างเหมาะสม เช่น เรียกว่าอะไร ตอนนี้อยู่ไหน เรากำลังทำอะไรอยู่

- เป็นผู้ฟังที่ดี เวลาเด็กพูดให้เราจ้องหน้า มองตา ตั้งใจฟังในสิ่งที่เด็กต้องการสื่อสาร

- ขยายความในส่วนของเด็ก เพื่อเติมคำพูดให้สมบูรณ์