ความรู้จากแพทย์ศรีพัฒน์

อาหารเสริมตามวัย




รศ.พญ.วัชรี ตันติประภา

กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิด

รหัสเอกสาร PI-IMC-236-R-00

อนุมัติวันที่ 24 กันยายน 2563


        เมื่อแรกเกิดถึงอายุ 6 เดือน นมแม่ เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เพราะมีสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วนและพอเพียงต่อการเจริญเติบโตทางร่างกายและพัฒนาการทางสมอง รวมทั้งช่วยเสริมภูมิต้านทานลดอัตราการเจ็บป่วยและการติดเชื้อ ในวัยนี้จึงควรให้นมแม่อย่างเดียวโดยไม่จำเป็นต้องให้อาหารอื่นหรือแม้แต่น้ำ



        หลังอายุ 6 เดือน ทารกตัวโตขึ้น แม้ว่านมแม่จะยังมีประโยชน์อย่างมากเช่นเดิม แต่ปริมาณและสารอาหารต่างๆ จะเริ่มไม่เพียงพอ คุณแม่จึงควรให้อาหารเสริมตามวัยควบคู่กับการให้กินนมแม่ต่อไปจนถึงอายุ 2 ปีหรือนานกว่านั้นเพื่อให้ลูกยังได้รับประโยชน์จากนมแม่และเจริญเติบโตได้อย่างเหมาะสม



 

อาหารเสริมตามวัยสำหรับทารก


          การให้อาหารเสริมตามวัยควรยึดหลัก คือ เหมาะสมกับวัย ให้ปริมาณเพียงพอ และสะอาดปลอดภัย


1.       เหมาะสมกับสมวัย คือ เริ่มให้ตามอายุที่เหมาะกับพัฒนาการของทารก


-        ถ้าลูกเติบโตได้ดีเมื่อกินนมอย่างเดียว เริ่มให้เมื่ออายุ 6 เดือน


-        ถ้าลูกโตช้า แพทย์อาจแนะนำให้เริ่มเร็วขึ้น แต่จะไม่เริ่มก่อน 4 เดือน เพราะการทำงานของลำไส้และการสร้างน้ำย่อยยังไม่สมบูรณ์



-        ไม่ควรเริ่มช้ากว่า 6-7 เดือน แม้คุณแม่จะมีน้ำนมมากพอที่จะทำให้ลูกเติบโตได้ดี เพราะลูกจะเริ่มฝึกหัดการเคี้ยวกลืนช้าเกินไป ทำให้ปรับตัวมากินอาหารแบบผู้ใหญ่ไม่ได้ตามวัย ซึ่งจะมีผลเสียต่อการเจริญเติบโตและพฤติกรรมการกินต่อไปในอนาคต


-        ควรเริ่มให้อาหารทีละ 1-2 อย่าง โดยเริ่มทีละน้อยและค่อยๆ เพิ่มขึ้น จนได้ตามปริมาณที่แนะนำ และเว้นระยะห่างการให้อาหารใหม่แต่ละชนิด 2-3 วัน เพื่อดูการแพ้อาหาร



-        เริ่มต้นด้วยอาหารที่บดค่อนข้างละเอียด มีความหนืดพอสมควร เมื่อกินได้ดีค่อยเพิ่มความหยาบของอาหารขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ทารกได้ฝึกเคี้ยวและกลืน ไม่ควรปั่นจนเนื้อเนียนเป็นน้ำเหลว


-        เมื่ออายุ 1 ปีขึ้นไป เริ่มให้กินอาหารชนิดเดียวกับผู้ใหญ่ได้ โดยเลือกอาหารชนิดที่นิ่ม เคี้ยวง่าย ชิ้นไม่ใหญ่ และรสไม่จัดเกินไป


-        เมื่ออายุ 2 ปีขึ้นไป ให้กินอาหารเหมือนผู้ใหญ่ได้

 

2.      ให้ปริมาณเพียงพอ คือ ให้สารอาหารแต่ละชนิดในปริมาณพอเหมาะที่จะทำให้ทารกเจริญเติบโตได้ตามวัย



-        กินนมแม่หรือนมผสมสำหรับทารกร่วมกับให้อาหารเพิ่มเป็นมื้อตามวัยดังในตาราง



-        เมื่อกินอาหารในแต่ละมื้อได้ปริมาณตามที่แนะนำแล้ว ควรลดจำนวนมื้อนมลงตามจำนวนมื้ออาหารที่เพิ่มขึ้นแต่สามารถเพิ่มปริมาณนมต่อมื้อขึ้นได้



-        ในแต่ละมื้อควรมีอาหารทั้งข้าว กลุ่มไข่หรือเนื้อสัตว์และผัก โดยมีการสับเปลี่ยนชนิดในแต่ละกลุ่มเพื่อฝึกให้ลูกคุ้นเคยกับการกินอาหารที่หลากหลาย



-        การให้เนื้อสัตว์หรือตับอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้ได้ธาตุเหล็กป้องกันภาวะซีด



-        การให้น้ำมันพืชจะช่วยเพิ่มพลังงานและให้วิตามินที่ละลายในไขมัน


 

อายุ

6 เดือน

7 เดือน

8 เดือน

9-12 เดือน

จำนวนมื้อ

1 มื้อ

1 มื้อ

2 มื้อ

3 มื้อ

ชนิดอาหาร

ใน 1 มื้อ ประกอบด้วย

ข้าว

ข้าวต้มสุกบดละเอียด

2 ช้อนกินข้าว

ข้าวต้มสุกบดหยาบ

3 ช้อนกินข้าว

ข้าวสวยหุงนิ่มๆ บดหยาบ

4 ช้อนกินข้าว

ข้าวสวยหุงนิ่มๆ บดหยาบ

4 ช้อนกินข้าว

ไข่หรือเนื้อสัตว์

ไข่แดงสุกครึ่งฟอง

สลับกับตับหรือไก่หรือหมู

หรือปลาบด 1 ช้อนกินข้าว

ไข่ทั้งลูกสุกครึ่งฟอง

สลับกับตับหรือไก่หรือหมูหรือปลา 1 ช้อนกินข้าว

ไข่ทั้งลูกสุกครึ่งฟอง

สลับกับตับหรือไก่หรือหมูหรือปลา 1 ช้อนกินข้าว

ไข่ทั้งลูกสุกครึ่งฟอง

สลับกับตับหรือไก่หรือหมูหรือปลา 1 ช้อนกินข้าว

ผัก

ผักต้มเปื่อย ½ ช้อนกินข้าว

ผักสุก 1 ช้อนกินข้าว

ผักสุก 1 ช้อนกินข้าว

ผักสุก 1½ ช้อนกินข้าว

ระดับการบด

บดละเอียด

บดหยาบ

สับละเอียด

หั่นชิ้นเล็ก

น้ำมันพืช

½ ช้อนชา วันละมื้อ (ใช้คลุกเคล้าผสมกับอาหาร)






ผลไม้

(มื้อว่าง)

ผลไม้สุกบดละเอียด

วันละ 1 ชิ้น

ผลไม้สุกบดหยาบ

วันละ 2 ชิ้น

ผลไม้สุกตัดชิ้นเล็ก

วันละ 3 ชิ้น

ผลไม้สุกหั่นชิ้นพอดีคำ

วันละ 4 ชิ้น

 

3.      สะอาดปลอดภัย คือ ให้อาหารที่สะอาดไม่มีสิ่งก่ออันตรายต่อสุขภาพ



-        เน้นเรื่องความสะอาด ปรุงสุกใหม่ หรือมีการเก็บรักษาไม่ให้เสีย



-        ปัจจุบันยกเลิกการให้คำแนะนำทารกกินน้ำส้ม เนื่องจากมีโอกาสท้องเสียได้ง่ายถ้าไม่สะอาด



-   ฝึกให้กินอาหารรสธรรมชาติไม่หวาน เค็ม มันหรือรสจัด ไม่ปรุงด้วยน้ำตาล ผงชูรส ผงปรุงรสต่างๆ



-   หลีกเลี่ยงการให้ขนมกรุบกรอบต่างๆ รวมทั้งน้ำหวาน นมหวาน นมเปรี้ยว น้ำผลไม้กล่อง น้ำอัดลม และอาหารที่ผสมชา กาแฟ แอลกอฮอล์ 


  

-        ไม่ให้อาหารที่แข็งเป็นเม็ด เคี้ยวยาก เช่น ถั่ว ข้าวโพด ในเด็กเล็ก เพราะอาจสำลักไปอุดหลอดลมได้



-        ถ้าจำเป็นต้องใช้อาหารสำเร็จรูป



- เลือกชนิดที่มีเครื่องหมาย อย.


- เลือกที่มีบรรจุภัณฑ์แจ้งวันหมดอายุชัดเจนและอยู่ในสภาพเรียบร้อย


- อ่านฉลากถึงส่วนประกอบคุณค่าทางโภชนาการและคำแนะนำการใช้


- ใช้ตามอายุที่ระบุในฉลาก


- ไม่เลือกชนิดที่เติมน้ำตาล น้ำผึ้ง ผงชูรส สารกันบูด


- อาหารชนิดกึ่งสำเร็จรูปต้องปรุงสุกก่อนให้กินเสมอ

 

ข้อมูลจากสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และ คู่มืออาหารตามวัยสำหรับทารกและเด็กเล็ก ของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)