ความรู้จากแพทย์ศรีพัฒน์

การตรวจปัสสาวะ (Urinalysis)




อ.พญ.อนุธิดา  เชาว์วิศิษฐ์เสรี

แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว

รหัสเอกสาร PI-IMC-164-R-00

อนุมัติวันที่ 25 กรกฎาคม 2563


        น้ำปัสสาวะเกิดจากไตทำการกรองของเสียที่อยู่ในเลือด ซึ่งจะไหลผ่านตามทางเดินปัสสาวะก่อนที่จะถูกขับออกมา เพราะฉะนั้นการนำปัสสาวะมาตรวจ จึงเป็นการสะท้อนการทำงานของไตและทางเดินปัสสาวะ นอกจากจะสามารถประเมินความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะแล้ว ยังสามารถบ่งบอกความผิดปกติของร่างกายบางภาวะได้อีกด้วย เช่น ระดับน้ำตาลในเลือดสูง


ผลที่ได้จากการตรวจปัสสาวะ


        ข้อมูลเบื้องต้นจากปัสสาวะ


ได้แก่ ลักษณะของสีและความขุ่นใสของปัสสาวะ โดยปกติแล้วปัสสาวะจะมีลักษณะสีเหลืองใส  หากมีลักษณะผิดแปลกไป อาจจะบ่งบอกถึงความผิดปกติของร่างกายได้ เช่น ปัสสาวะขุ่นบ่งบอกถึงการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ปัสสาวะสีแดงบ่งบอกถึงการมีเลือดปน ซึ่งแพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกายเพื่อสืบค้นสาเหตุของความผิดปกติต่อไป


        ความเป็นกรด-ด่างของปัสสาวะ (pH)

สามารถแสดงความสมดุล ความเป็นกรด-ด่างของเลือดได้ ค่าปกติจะอยู่ที่ 4.5-8 อย่างไรก็ตามสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามอาหารที่รับประทานเข้าไปได้ด้วย เช่น ปัสสาวะสามารถเป็นกรดมากขึ้น จากการรับประทานเนื้อสัตว์ในปริมาณมากหรือผลไม้บางชนิด


        ความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะ (SG)

ค่าปกติควรอยู่ที่ 1.003-1.030 ค่านี้จะช่วยบ่งบอกความเข้มข้นหรือเจือจางของปัสสาวะได้ หากค่าผิดปกติไป ร่วมกับมีประวัติหรืออาการที่ผิดปกติ จะช่วยบ่งบอกถึงภาวะหรือโรคบางอย่างได้


        โปรตีนไข่ขาวในปัสสาวะ (Protein)

โดยปกติแล้วไม่ควรพบโปรตีนในปัสสาวะ แต่อาจจะมีปนมาในปัสสาวะได้บ้างในกรณี เช่น มีการออกกำลังกายอย่างหนักมาก่อน, มีภาวะขาดน้ำ, มีไข้, ใกล้มีรอบเดือน, รับประทานเนื้อสัตว์เยอะ แต่หากมีการรั่วของโปรตีนในปัสสาวะปริมาณมากควรได้รับการตรวจยืนยันอีกครั้ง เพราะอาจจะเป็นสัญญาณของภาวะไตเสื่อมเรื้อรังหรือโรคไตบางชนิดได้


        น้ำตาลในปัสสาวะ (Sugar)


ปกติแล้วไม่ควรพบน้ำตาลในปัสสาวะ หากตรวจพบจะบ่งบอกถึงระดับน้ำตาลในเลือดที่สูง ทำให้สงสัยโรคเบาหวานได้ หรือมีการทำงานของไตที่ผิดปกติได้


        ตะกอนของปัสสาวะ (Urine Sediments)


ประกอบไปด้วยการรายงานเม็ดเลือดขาว, เม็ดเลือดแดง, เยื่อบุเซลล์ผิวหนัง รวมถึงผลึกต่างๆ หรือแท่งคาสท์ ซึ่งหากมีสิ่งเหล่านี้สูงผิดปกติ สามารถบ่งบอกถึงการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ, นิ่วหรือโรคไตบางชนิดได้ โดยแพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกายเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุต่อไป

 


ปัสสาวะที่ปนเปื้อน (Contaminated Urine)


        คือ มีการปนเปื้อนเกิดขึ้นขณะเก็บปัสสาวะ ทำให้ในปัสสาวะมีเยื่อบุเซลล์ผิวหนังออกมามาก, พบเม็ดเลือดขาว, แบคทีเรียหรือเชื้อราที่อยู่บริเวณรอบอวัยวะเพศ ซึ่งโดยปกติไม่ก่อโรคปนออกมา มักเกิดจากกระบวนการหรือวิธีการเก็บปัสสาวะไม่เหมาะสมเท่าที่ควร ดังนั้น ผลปัสสาวะที่ได้จึงไม่เหมาะสมที่จะแปลผล หากต้องการผลที่ถูกต้องและชัดเจนควรเก็บปัสสาวะเพื่อทำการตรวจซ้ำโดยวิธีเก็บที่ถูกต้อง



คำแนะนำในการเก็บปัสสาวะและวิธีการเก็บปัสสาวะที่ถูกต้อง


        -         สำหรับผู้หญิงที่มีประจำเดือนอยู่ แนะนำงดตรวจปัสสาวะ เพราะจะทำให้มีเลือดปนกับปัสสาวะออกมาและแปลผลผิดไปจากความเป็นจริง


        -         หลีกเลี่ยงการออกกำลังอย่างหักโหมก่อนทำการเก็บ เพราะอาจจะทำให้พบเม็ดเลือดแดงและโปรตีนไข่ขาวในปัสสาวะได้


        -         สำหรับผู้ใหญ่ที่สามารถเก็บปัสสาวะเองได้ นิยมตรวจปัสสาวะด้วยวิธีการ Midstream and clean catch technique นั่นคือต้องเก็บปัสสาวะด้วยวิธีที่สะอาดและกลางลำปัสสาวะ



วิธีการเก็บปัสสาวะ ดังกล่าวคือ


1.   ควรล้างมือและทำความสะอาดอวัยวะเพศด้วยน้ำสะอาด ไม่ต้องใช้สบู่หรือสารทำความสะอาดใดๆ เพราะปัสสาวะที่ได้ไม่ควรมีสิ่งเจือปน


2.   ก่อนการเก็บ สำหรับผู้หญิงให้ทำการแหวกอวัยวะเพศภายนอกทั้งสองข้าง และสำหรับผู้ชายควรทำการร่นผิวหนังที่อวัยวะเพศชายลง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเซลล์และแบคทีเรียปนเปื้อนไปกับปัสสาวะ


3.   ปัสสาวะทิ้งเล็กน้อยประมาณ 40-50 มม. เพื่อช่วยชะล้างเซลล์ต่างๆ, แบคทีเรีย, สิ่งคัดหลั่งจากอวัยวะเพศ


4.   เก็บปัสสาวะช่วงกลางลำปัสสาวะด้วยภาชนะสะอาดที่เตรียมไว้ จากนั้นนำภาชนะออกแล้วปัสสาวะช่วงท้ายทิ้งไป


5.   ปิดเกลียวฝาภาชนะให้เรียบร้อย แล้วนำไปส่งตรวจตามบริเวณที่กำหนดไว้


        การตรวจวิเคราะห์ปัสสาวะควรทำขณะที่ปัสสาวะยังสดใหม่และอุ่นอยู่ ไม่ควรทิ้งปัสสาวะไว้นานเกิน 2 ชั่วโมงหลังเก็บปัสสาวะ เพราะจะเกิดการสลายตัวของเม็ดเลือดและพบแบคทีเรียเพิ่มมากขึ้นได้


        จะเห็นได้ว่าการตรวจปัสสาวะสามารถให้ข้อมูลต่างๆ ทางสุขภาพได้มากมาย และยังเป็นการตรวจที่ทำได้ง่าย คนทั่วไปสามารถทำการเก็บสิ่งส่งตรวจเองได้ ไม่ต้องมีการเตรียมตัวที่ยุ่งยากซับซ้อน แต่อย่างไรก็ตามผู้ที่รับการตรวจต้องให้ความสำคัญกับวิธีการเก็บปัสสาวะที่ถูกต้อง เพื่อผลที่ออกมาจะได้มีความถูกต้องและน่าเชื่อถือ



สามารถติดตามช่องทางเพิ่มเติมได้ที่

• Call center : 0-5393-6900-1
• LINE Official : https://lin.ee/h3Wxyp3
• Facebook : https://bit.ly/2Kid6X9
• Youtube : https://bit.ly/3anQsH6
• Twitter : https://bit.ly/3eACDJ2
• Instagram: https://bit.ly/2VnrTGo
• Blockdit : https://bit.ly/2VqvL9D
• Website: http://sriphat.med.cmu.ac.th

หรือเพิ่มเพื่อนใน LINE ด้วยคิวอาร์โค้ด