ความรู้จากแพทย์ศรีพัฒน์

ซิฟิลิสในหญิงตั้งครรภ์


#โรคซิฟิลิส Syphilis โรคติดเชื้อจากแบคทีเรีย พบผู้ติดเชื้อมากในกลุ่มของวัยรุ่น (ช่วงมัธยมศึกษา-มหาวิทยาลัย) โดยปกติจะติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ หากมีการติดเชื้อในสตรีตั้งครรภ์ อาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้อีกด้วย รู้อย่างนี้แล้ว สตรีที่ทราบว่าตั้งครรภ์ควรรีบมาตรวจคัดกรองโรคซิฟิลิสก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองและทารกในครรภ์  

โทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกสูตินรีเวช 0-5393-6830



ผศ.พญ.กุณฑรี ไตรศรีศิลป์ หมื่นพินิจ
สูตินรีแพทย์
รหัสเอกสาร PI-IMC-067-R-01
อนุมัติวันที่ 12 ตุลาคม 2566


สาเหตุ
         เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Spirochete bacterium Treponema pallidum (ทรีโพนีมา แพลลิดัม) โดยจะเริ่มแสดงอาการ 3-4 สัปดาห์ หลังจากได้รับเชื้อ


ลักษณะทางคลินิก

การติดเชื้อในสตรีตั้งครรภ์ มีอาการแสดงได้หลายลักษณะ ดังนี้

        1. ระยะที่ 1 (Primary syphilis)  พบแผลริมแข็ง (Chancre) ที่อวัยวะเพศมักจะเป็นแผลสะอาด พื้นสีแดง แผลเดียว ขอบแข็งยกนูน อาจตรวจพบต่อมน้ำเหลืองโตได้ แผลสามารถหายเองได้ใน 2-8 สัปดาห์

        2. ระยะที่ 2 (Secondary syphilis) เกิดจากเชื้อแพร่กระจายไปยังอวัยวะต่างๆ ลักษณะที่พบ เช่น

            - ผื่น (Macular rash) กระจายทั่วไป พบได้ร้อยละ 90

            - ผื่น (Targeted lesion) ที่ฝ่ามือฝ่าเท้า

            - ผมร่วงเป็นหย่อม

            - ตุ่มนูน (Condyloma lata) ที่บริเวณอวัยะเพศ

นอกจากนี้อาจมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อร่วมด้วยได้ อาการเหล่านี้จะพบ 4-10 สัปดาห์ หลังจากพบแผลริมแข็ง (Chancre) 

        3. ระยะแฝง (Latent  syphilis) เกิดขึ้นเมื่อ Primary หรือ Secondary syphilis ไม่ได้รับการรักษา แต่อาการต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นสามารถหายไปได้เอง อย่างไรก็ตามยังคงตรวจพบการติดเชื้อได้จากการตรวจเลือด หากเกิดภายใน 12 เดือน หลังจากมีอาการทางคลินิก เรียก Early latent แต่หากนานกว่า 12 เดือน หรือไม่ทราบระยะเวลาที่แน่นอน เรียก Late latent ซึ่งมักจะเป็นระยะที่ตรวจพบในสตรีตั้งครรภ์

        4. ระยะที่ 3 (Tertiary syphilis) เป็นระยะที่โรคดำเนินไปอย่างช้าๆ เกิดขึ้นที่อวัยวะใดก็ได้ อย่างไรก็ตามไม่ค่อยพบในสตรีวัยเจริญพันธุ์


ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์

หากสตรีตั้งครรภ์ไม่ได้รับการตรวจคัดกรองหรือไม่ได้รับการรักษา จะส่งผลเสียต่อการตั้งครรภ์ ดังนี้

        - ทารกติดเชื้อซิฟิลิส

        - ทารกโตช้าในครรภ์

        - คลอดก่อนกำหนด

        - ทารกเสียชีวิตในครรภ์หรือตายคลอด

        ทารกที่ติดเชื้อมักแสดงอาการในช่วงครึ่งหลังของการตั้งครรภ์ เช่น ซีด เกร็ดเลือดต่ำ มีน้ำในช่องท้อง หรือบวมน้ำได้ ทารกที่คลอดออกมาอาจมีภาวะตัวเหลือง จุดเลือดออกตามผิวหนัง ต่อมน้ำเหลืองโต เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ ปอดอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ โปรตีนรั่วทางไต หรือพบความผิดปกติที่กระดูก


การวินิจฉัย

        1. สตรีตั้งครรภ์ทุกรายควรได้รับการตรวจคัดกรอง เมื่อมาฝากครรภ์ครั้งแรก กรณีมีความเสี่ยงสูงหรืออยู่ในพื้นที่ที่มีความชุกของโรคมาก จะได้รับการตรวจคัดกรองซ้ำในไตรมาสที่สามด้วย 

        2. หากมีอาการควรมาพบแพทย์เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยโดยเร็ว

        3. รายที่สตรีตั้งครรภ์ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ ควรจะได้รับการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงหลังอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ เพื่อตรวจหาความผิดปกติของทารกในครรภ์ เช่น ตับโต รกหนา น้ำในช่องท้อง ทารกบวมน้ำ น้ำคร่ำมาก ทารกซีด อย่างไรก็ตามจากการศึกษาของ Rac และคณะ คลื่นเสียงความถี่สูงสามารถตรวจพบความผิดปกติได้เพียง 1 ใน 3 ของทารกที่ติดเชื้อในครรภ์เท่านั้น ดังนั้น การตรวจคลื่นเสียงที่ไม่พบความผิดปกติ อาจไม่สามารถรับประกันได้ว่าทารกไม่ติดเชื้อ

        4. หากมีประวัติสัมผัสคนที่ติดเชื้อภายใน 90 วัน ควรแจ้งให้แพทย์ผู้รักษาทราบเพื่อทำการรักษาต่อไป


การรักษา

        ยาที่เลือกใช้คือ Benzathine penicillin G (เบนซาทีน เพนิซิลลิน) ขนาดและปริมาณขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา เพื่อกำจัดเชื้อในมารดาและป้องกันไม่ให้ทารกเป็นโรค หลังจากได้ยารักษาจะมีการตรวจติดตามระดับการติดเชื้อจากการตรวจเลือด เป็นระยะทุก 3 ถึง 6 เดือน

------------------------------------------------------------

สามารถติดตามช่องทางเพิ่มเติมได้ที่
• Call center : 0-5393-6900-1
• LINE Official : https://lin.ee/h3Wxyp3
• Facebook : https://bit.ly/2Kid6X9
• Youtube : https://bit.ly/3anQsH6
• Twitter : https://bit.ly/3eACDJ2
• Instagram: https://bit.ly/2VnrTGo
• Blockdit : https://bit.ly/2VqvL9D
• Website: http://sriphat.med.cmu.ac.th

หรือเพิ่มเพื่อนใน LINE ด้วยคิวอาร์โค้ด