อ.นพ.อดิศักดิ์ กิตติสาเรศ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทและสมอง
รหัสเอกสาร SD-HA-IMC-184-R-00
อนุมัติวันที่ 21 มีนาคม 2560
1. โรคลมชักคืออะไร ?
เป็นโรคที่เกิดจากการมีคลื่นไฟฟ้าผิดปกติในสมอง ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น จากความผิดปกติในเนื้อสมอง เช่น พยาธิขึ้นสมอง โรคหลอดเลือดสมอง มีก้อนเนื้อผิดปกติ การมีแผลหรือเลือดออกในสมองจากอุบัติเหตุ การติดเชื้อในสมอง ผู้เป็นโรคตับ โรคไต ความผิดปกติของสมดุลเกลือแร่ ยาและสารพิษ เป็นต้น
2. มีอาการเป็นอย่างไรได้บ้าง ?
อาการแสดงเป็นไปตามตำแหน่งของสมองส่วนที่ถูกกระตุ้น
ทำให้เกิดอาการชักแบบต่างๆได้ เช่น อาการชักเกร็งกระตุกทั้งตัว ชักเพียงบางส่วนของร่างกาย
หรือการหมดสติ สับสนชั่วคราว
3. สงสัยว่าจะเป็นโรคลมชักจะต้องทำอย่างไร ?
สำหรับผู้ป่วยต้องสงสัยโรคลมชัก ควรพบแพทย์อายุรกรรมสาขาประสาทวิทยา เพื่อซักประวัติและตรวจร่างกายโดยละเอียด และอาจจำเป็นต้องทำการตรวจเพิ่มเติม เพื่อช่วยประกอบในการแยกโรคและหาสาเหตุ โดยมีการตรวจ ได้แก่
- การเจาะเลือด
- การถ่ายภาพเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (CT-Scan)
- เอ็กซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมอง (MRI)
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG)
โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกชนิดการตรวจตามความเหมาะสม
4. วิธีการรักษาทำอย่างไร ?
หากตรวจพบสาเหตุ ต้องรักษาตามสาเหตุที่พบ ร่วมกับการควบคุมอาการชัก หรือหากไม่พบสาเหตุต้องหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นการเกิดการชัก โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคสมองและระบบประสาทจะพิจารณาการรักษา การรับประทานยากันชักหรือผ่าตัด ซึ่งขึ้นกับผู้ป่วยแต่ละราย
5. อะไรคือสิ่งที่กระตุ้นการชักบ้าง ?
สิ่งกระตุ้นที่ต้องหลีกเลี่ยง ได้แก่ การอดนอน อารมณ์เครียด การตรากตรำทำงานหนัก การพักผ่อนไม่เพียงพอ การดื่มเหล้า ใช้สารเสพติด และการขาดยากันชัก
6. กินยากันชักดีไหม ?
การชักทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง เกิดการได้รับบาดเจ็บ จนถึงอาจเสียชีวิตจากการชักได้ ยากันชักจะลดการเกิดและการแพร่กระจายของคลื่นไฟฟ้าสมองที่ผิดปกติ ทำให้ไม่เกิดอาการชัก ในปัจจุบันมียาหลายชนิด การพิจารณาขึ้นกับลักษณะของการชัก โดยยาแต่ละชนิดจะมีผลข้างเคียงต่างกัน ท่านควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาร่วมกันก่อนเริ่มการรักษา
7. ยากันชักน่ากลัวไหม ?
ผลข้างเคียงที่สำคัญของยากันชัก คือ การเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง อาการ คือ มีผื่นและการลอกของผิวหนังและเยื่อบุผิว ทำให้มีแผลเคืองหรือคันที่ปาก ตาและอวัยวะเพศ มีผื่นขึ้นที่ผิวหนัง โอกาสเกิดพบได้ไม่บ่อย หากมีอาการต้องสงสัยต้องกลับไปปรึกษาแพทย์โดยเร็ว
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยอื่นๆ ได้แก่ ง่วงนอน เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ก่อนเริ่มยาจึงต้องมีการตรวจเลือดเพื่อประกอบการพิจารณาการให้ยา
8. การปฏิบัติตัวเมื่อเป็นโรคลมชัก
8.1 หากต้องรับยา กินยาให้ครบ ห้ามขาดยา ห้ามหยุดยาเอง เพราะสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการชักไม่หยุดและการเสียชีวิต คือ การขาดยา หากลืมกินยาให้กินทันทีที่นึกได้ แต่หากเลยเวลาไปถึงเวลายามื้อต่อไปแล้ว ให้กินยาในขนาดเท่าเดิมต่อ หากไม่มีอาการผิดปกติไม่ต้องเพิ่มขนาดยา
8.2 หากท่านเพิ่งเริ่มรักษาโรคลมชักหรือควบคุมอาการชักยังไม่ดี หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ๆ อาจเกิดอันตรายได้สูง ดังต่อไปนี้
- ห้ามอยู่ใกล้แหล่งน้ำ : แม่น้ำลำคลอง สระว่ายน้ำ
- ห้ามอยู่ใกล้ไฟและของร้อน : เตาแก๊ส กองไฟ กระทะต้มน้ำ กระทะทอด
- ห้ามอยู่ที่สูง : ขอบตึก หน้าผา บันไดสูงและที่ลาดชัน
- ห้ามขับรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์
- ห้ามทำงานกับเครื่องจักรกลที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
8.3 หากไม่มีอาการชักแล้วหยุดยาเองได้ไหม
ในโรคลมชักที่ไม่ทราบสาเหตุ ท่านอาจหยุดยาได้หากควบคุมอาการชักได้แล้วเป็นเวลามากกว่า 2 ปี ทั้งนี้ห้ามมิให้หยุดทันที ต้องมีการปรับลดยาตามลำดับ ภายใต้คำสั่งแพทย์ที่ดูแลเท่านั้น
8.4 หากตั้งครรภ์หยุดยาได้ไหม
หากท่านพบว่าตัวเองตั้งครรภ์หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ ให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ห้ามหยุดยาหรือปรับยากันชักด้วยตัวเอง เพราะจะทำให้ชักไม่หยุด เกิดผลเสียกับทั้งแม่และลูกในครรภ์ได้
9. การปฐมพยาบาล
9.1 หากท่านรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะมีอาการชัก
- หยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ทันที
- ควรเรียกขอความช่วยเหลือ ให้บัตรประจำตัวแก่ผู้ที่อยู่บริเวณนั้น
- อยู่ให้ห่างจากของมีคมและพื้นที่เสี่ยงอันตรายทันที
- นั่งหรือนอนลงในพื้นที่ปลอดภัย
9.2 หากท่านเป็นผู้ดูแลหรือผู้เห็นเหตุการณ์ขณะผู้ป่วยมีอาการชัก
- ให้ดูพื้นที่บริเวณรอบตัวผู้ป่วยให้ปลอดภัยจากสิ่งของมีคมและสิ่งของอันตราย
- ไม่จำเป็นต้องหาช้อนหรือวัสดุในการป้องกันการกัดลิ้น เพราะอาจทำให้สำลักและเป็นอันตรายได้
- เมื่อผู้ป่วยหยุดชักแล้วให้ดู ถ้ามีสิ่งของในปากและจมูกควรเอาออก ถ้าผู้ป่วยใส่ฟันปลอมควรถอดฟันปลอมออก ถ้าทำได้ผ่อนเสื้อผ้าเพื่อให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวก
- ป้องกันการสำลัก พยายามโดยจับให้ผู้ป่วยนอนในท่าตะแคงตัว การจัดท่าผู้ป่วยควรทำด้วยความระมัดระวัง ไม่ดึงแขนขา เพราะอาจมีการหักหรือหลุดจากการชัก วางแขนรองบริเวณด้านข้างของใบหน้าเพื่อกันการสำลัก พยายามจัดลักษณะผู้ป่วยให้เป็นดังภาพ
- หากมีแผลให้ทำการห้ามเลือด พยายามอยู่ข้างตัวผู้ป่วยเมื่อผู้ป่วยฟื้น
- โทรเรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน 1669 และโทรแจ้งญาติ