Knowledge

(Platelet-rich Plasma : PRP)


อ.นพ. ธีรนัย พยัฆวิเชียร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อ

รหัสเอกสาร PI-IMC-376-R-00

อนุมัติวันที่ 22 กรกฎาคม 2564


เพลทเลท ริช  พลาสมา (Platelet-rich Plasma : PRP) คืออะไร ?

            PRP คือวิธีการรักษาอาการบาดเจ็บบริเวณเอ็น กล้ามเนื้อ และข้อต่อ โดยการนำเลือดของผู้ป่วยมาปั่นจนได้ส่วนของเหลว ที่เรียกกันว่า พลาสมาเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการรักษา พลาสมาจะมีความเข้มข้นของเกล็ดเลือดสูงกว่าปกติ และยังมีส่วนประกอบของโกรทแฟคเตอร์ (growth factors) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย ทฤษฎีปกติในร่างกายของมนุษย์เมื่อได้รับบาดเจ็บ มีแผลฉีกขาด หรือมีการแตกของเส้นเลือด เกล็ดเลือดจะรวมตัวเพื่อไม่ให้เลือดไหลออกจากหลอดเลือด จากนั้นเกล็ดเลือดจะเป็นตัวกระตุ้นเซลล์ต่างๆในร่างกาย เพื่อมาซ่อมแซมเนื้อเยื่อบริเวณที่ได้รับการบาดเจ็บ

การเตรียม  PRP

            แพทย์จะทำการดูดเลือดจากผู้ป่วย นำมาปั่นเพื่อแยกสัดส่วนของเกล็ดเลือดและ โกรทแฟคเตอร์ (growth factors) จากนั้นนำเกล็ดเลือดเข้มข้นฉีดเข้าไปยังเนื้อเยื่อที่ได้รับบาดเจ็บ

 

ตัวอย่างในการใช้ PRP

1.      การบาดเจ็บเรื้อรังของเอ็นบริเวณข้อศอกและข้อไหล่

2.      ภาวะกระดูกอ่อนบริเวณข้อเท้าบาดเจ็บ

3.      กระตุ้นการซ่อมแซมและลดอาการปวดในผู้ป่วยหลังจากการผ่าตัด เช่น การผ่าตัดซ่อมเอ็นไขว้หน้าบริเวณข้อเข่า

4.      ข้อเสื่อม


การเตรียมผู้ป่วย

·      ต้องงดยาตามที่แพทย์แนะนำ โดยเฉพาะยาลดการอักเสบกลุ่ม เอ็นเสด (NSAID’s) และยาสเตียรอยด์ (Steroid) อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีดยา เนื่องจากยาจะส่งผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือด ทำให้ประสิทธิภาพในการฉีดลดลง

·      ผู้ป่วยไม่ควรมีภาวะขาดน้ำ เนื่องจากจะทำให้การดูดเลือดทำได้ยาก 


การดูแลหลังการฉีด PRP

·      สังเกตอาการหลังจากฉีดยา 15-30 นาที ก่อนกลับบ้าน

·      ผู้ป่วยจะมีอาการปวดในช่วง 1-3 วันหลังจากได้รับการฉีด PRP หากมีอาการบวมปวด แนะนำให้ประคบเย็นและทานยาลดอาการปวดแต่ ยังต้องงดยาลดการอักเสบกลุ่ม NSAID’sและยาสเตียรอยด์ต่ออีกอย่างน้อย 3 วัน

·      หากอาการปวดยังคงอยู่หลังจากวันที่ 3 หลังฉีดยา หรือมีอาการบวมแดงมากขึ้นควรรีบปรึกษาแพทย์

ผลการรักษา

·      ประสิทธิภาพในการรักษาขึ้นอยู่กับตำแหน่งหรืออวัยวะที่ได้รับบาดเจ็บ

·      เนื้อเยื่อบาดเจ็บแบบเฉียบพลันจะให้ผลการรักษาที่ดีกว่าการบาดเจ็บเรื้อรัง

·      ผลการรักษาจะสังเกตเห็นได้ตั้งแต่ระยะเวลา 4-6 สัปดาห์ขึ้นไป