อ.นพ.ภาณุเมศ ศรีสว่าง
อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด
รหัสเอกสาร SD-HA-IMC-150-R-00
อนุมัติวันที่ 27 เมษายน 2559
โรคหลอดเลือดหัวใจเป็นสาเหตุการตายอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย เกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบแคบหรือตีบตัน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย พบบ่อยในผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน สูบบุหรี่ โรคอ้วน หรือมีกรรมพันธุ์
ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการเจ็บหน้าอก
โดยรู้สึกเหมือนมีอะไรหนัก ๆ ทับกลางอก อาจร้าวไปหัวไหล่ แขน หรือกราม
หรือมีอาการจุกแน่นลิ่นปี่ ในการวินิจฉัย แพทย์จะทำการตรวจสวนหลอดเลือดหัวใจ เพื่อให้รู้ว่าหลอดเลือดมีการตีบหรือไม่
การตรวจสวนหลอดเลือดหัวใจ คือ
การฉีดสารทึบรังสีเพื่อดูหลอดเลือดหัวใจว่ามีการตีบตันหรือไม่
และยังสามารถวัดความดันภายในห้องหัวใจได้ด้วย
ข้อบ่งชี้ในการตรวจสวนหลอดเลือดหัวใจ
1. มีอาการเจ็บหน้าอกจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
2. พบภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจากการตรวจหลอดเลือดหัวใจโดยการเดินสายพาน
3. เพื่อเตรียมการผ่าตัดหัวใจ
ขั้นตอนในการตรวจ
ผู้ป่วยต้องงดอาหารและน้ำก่อนตรวจ 6 ชั่วโมง และอาจต้องงดยาบางชนิดก่อนตรวจ
- ระหว่างการตรวจจะมีการใส่สายน้ำเกลือและติดขั้วสื่อไฟฟ้าที่หน้าอกและขา
- หลังฉีดยาชาเฉพาะที่ ที่แขนหรือขาหนีบ แพทย์จะใส่สายสวนขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณไส้ปากกาลูกลื่นเข้าไปในหลอดเลือดจนถึงหลอดเลือดหัวใจ จากนั้นจะฉีดสารทึบรังสีเข้าไปในหลอดเลือดหัวใจ แล้วถ่ายภาพหลอดเลือดหัวใจไว้
- ขั้นตอนการตรวจใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที เมื่อเสร็จแล้วแพทย์จะดึงสายสวนออก แล้วใช้อุปกรณ์ปิดแผลห้ามเลือดบริเวณจุดที่ใส่สายสวนสักระยะหนึ่ง
รูปที่ 1 สายสวนหลอดเลือดหัวใจ
รูปที่ 2 ห้องตรวจสวนหลอดเลือดหัวใจ
รูปที่ 3 การตรวจสวนหลอดเลือดหัวใจ
ภาวะแทรกซ้อน
1. อาจมีลิ่มเลือดอุดตันทำให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ ( 0.2%)
2. เสียชีวิต (0.1%)
3. เลือดออกบริเวณที่ใส่สายสวน < 2%
การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยหลังการตรวจสวนหลอดเลือดหัวใจ
ขณะพักฟื้นในโรงพยาบาล
- ถ้ามีอาการชา เย็น ซีด หรือเลือดออกที่แขนหรือขาที่ได้รับการสอดสายต้องรีบแจ้งพยาบาลทันที
- กรณีที่ใส่สายสวนที่แขน ห้ามงอข้อมือ 24 ชั่วโมง ถ้าใส่ที่ขาหนีบ ห้ามงอเข่าประมาณ 6 ชั่วโมง
- ถ้าไม่มีอาการผิดปกติภายใน 8 ชั่วโมง ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ และควรพักผ่อนประมาณ 24 ชั่วโมง ดื่มน้ำมากๆ และรับประทานอาหารตามปกติ
เมื่อกลับบ้าน
- ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงดึง ผลัก ดัน หรือยกของหนัก รวมถึงการนั่งคุกเข่า (กรณีทำที่ขาหนีบ )
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ